fbpx

4 ประเด็นสำคัญที่คุณจะพบในโลกคริปโท แต่จะไม่ได้พบในโลกการเงินแบบดั้งเดิม

นักลงทุนในโลกคริปโทพบว่าเครื่องมือที่พวกเขาเคยใช้ในอดีตนั้นไม่สามารถที่จะใช้ได้กับสกุลเงินดิจิทัล เพราะคริปโทคือโลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยข้อมูลและนวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย

นักลงทุนที่คุ้นเคยกับตลาดการเงินแบบดั้งเดิมพบว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะใช้วิธีการวิเคราะห์ทางการเงินที่คุ้นเคยเพื่อประเมินมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัล ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนอาจจะใช้วิธีการพิจารณาพื้นฐานของหุ้นหรือหลักทรัพย์เพื่อตัดสินใจว่าควรลงทุนในสินทรัพย์นั้นหรือไม่ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นวิธีการในการกำหนดมูลค่าหลักทรัพย์เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังจะลงทุนนั้นเป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่เมื่อเทียบกับราคาตลาดในปัจจุบัน ด้วยการพิจารณาปัจจัยอย่าง ราคาต่อกำไร (PE) ราคาต่อบัญชี (PB) กำไรต่อหุ้น (EPS) และกระแสเงินสดอิสระ (FCF) เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนที่จะทำการลงทุน 

แต่ในโลกคริปโทนั้นแตกต่างออกไป เพราะคุณไม่สามารถไปเรียกร้องรายได้ในรายไตรมาสสำหรับบริษัทต่างๆ ที่ดำเนินงานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง ทำให้ไม่สามารถคำนวณรายรับ กำไร หรือค่าใช้จ่ายตามรูปแบบการเงินแบบดั้งเดิมได้ 

แล้วนักวิเคราะห์หรือนักลงทุนในโลกคริปโทจะสามารถใช้ข้อมูลอะไรประกอบการตัดสินใจได้บ้าง? 

ScalesBot จะพาผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับ 4 ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนสามารถใช้เป็นข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับการลงทุนในโลกคริปโทอันดุเดือด

1.Tokenomics

Tokenomics หรือ “เศรษฐศาสตร์ของโทเคน” นั้นเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและมีความสำคัญเป็นอย่างมากที่นักลงทุนสามารถใช้ในการวิเคราะห์โครงการต่างๆ ในโลกคริปโท Tokenomics เป็นดั่งหัวใจหลักที่คอยควบคุมโครงการบล็อกเชน โครงการที่มีการวางแผน Tokenomics ที่ดีจะทำให้ผู้คนที่มีความสนใจในโครงการเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องซื้อโทเคนและเป็นการบอกให้ผู้ที่ซื้อและถือโทเค็นว่า เมื่อเวลาผ่านไป โครงการนี้นั้นมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากโครงการใดมีการวางแผน Tokenomics ไม่ดี โครงการนั้นก็มีโอกาสที่จะไม่ประสบความเสร็จสูงมาก  

เพราะฉะนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Tokenomics จึงจำเป็นอย่างมากสำหรับนักลงทุนทุกคนก่อนที่จะลงทุนในโครงการใดๆ 

ไม่เพียงเท่านั้น การแจกจ่ายโทเคนก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องพิจารณา เพราะนักลงทุนต้องทำความเข้าใจว่าใครเป็นผู้ถือโทเคนและวิธีการแจกโทเคนนั้นเป็นอย่างไร สิ่งที่ต้องพิจารณาอีกประการหนึ่งก็คืออุปทานของโทเคนนั้นมีจำกัดหรือไม่จำกัดและโทเคนใหม่จะเข้าสู่ระบบนิเวศได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น Bitcoin มีอุปทานจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ และจะมีโทเคนใหม่เข้าสู่ระบบนิเวศผ่านการทำงานแบบ PoW  ในขณะที่ Cardano เป็นบล็อกเชนที่มีการทำงานแบบ PoS และมีอุปทานสูงสุดที่ 45 พันล้านเหรียญ

นอกเหนือจากปัจจัยที่ได้กล่าวไปข้างบน ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมอีก เช่น โทเคนนั้นจะถูกเผาหรือลบออกจากบล็อคเชนหรือไม่? หรือโทเคนนั้นอยู่ในสภาวะเงินเฟ้อหรือเงินฝืด? การพิจารณาสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ความเป็นไปได้ในระยะยาวและการเติบโตของโครงการนั้นๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากโทเคนของโครงการนั้นๆ มีอัตราเงินเฟ้อสูง นั่นอาจจะเป็นสัญญาณให้นักลงทุนทราบว่า มูลค่าในอนาคตของโทเคนอาจจะลดลงเนื่องจากปัญหาด้านเงินเฟ้อที่ระบบต้องเจอ 

2.White papers

นอกเหนือจาก Tokenomics นักลงทุนจะต้องทำความเข้าใจให้ลึกถึงขอบเขตทั้งหมดของโครงการสกุลเงินดิจิทัลนั้นๆ และการอ่านเอกสาร White Papers ของโครงการคือคำตอบของประเด็นนี้ 

White Papers คือเอกสารเฉพาะสำหรับโครงการด้านบล็อกเชนที่ได้รับการเผยแพร่โดยผู้สร้างโทเคนหรือเจ้าของโครงการนั้นๆ เอกสารนี้เป็นเอกสารที่จะสรุปวัตถุประสงค์ของโครงการ สถิติของโครงการ วิธีการที่ใช้ในการดำเนินโครงการ และรายละเอียดเกี่ยวกับโทเคนของโครงการ

การอ่านเอกสารนี้จะช่วยให้นักลงทุนมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายและความต้องการของนักพัฒนา และยังเป็นการสร้างความเข้าใจตลาดที่โครงการนั้นกำลังแข่งขันอยู่และแผนในอนาคตของโครงการ ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนยังสามารถที่จะใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน หากคุณยังเกิดความสงสัยและยังมีคำว่า “ทำไม” ต่อเป้าหมายของโครงการหลังจากที่อ่านเอกสารนี้ นั่นเป็นสัญญาณที่นักลงทุนต้องระวังให้ดี เพราะนั้นอาจจะเป็นโครงการที่ไม่ได้ตรงจริตกับการลงทุนของคุณหรือมันอาจจะเป็นหนึ่งในโครงการ Ponzi ก็เป็นได้

ไม่เพียงเท่านั้น White Papers ยังเป็นแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการตรวจสอบภูมิหลังของผู้ก่อตั้งโครงการ เอกสารที่เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดในการสะกดคำ ลอกเลียนแบบ การสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นจริง หรือผู้ก่อตั้งที่เชื่อมโยงกับโครงการที่ล้มเหลวหรือการหลอกลวง นั้นเป็นสัญญาณที่เตือนนักลงทุนได้เป็นอย่างดีว่า “ควรหนีให้ห่างจากโครงการนี้”

3.On-Chain Analytics

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดอีกอย่างหนึ่งที่นักลงทุนจะพบได้ในโลกคริปโท แต่คุณจะไม่เคยพบในโลกการเงินแบบดั้งเดิมคือ ข้อมูลที่อยู่บนบล็อกเชน หรือ On-chain Data ที่มีจำนวนมาก สดใหม่และเปิดเผยต่อสาธารณะสำหรับทุกคน ซึ่งข้อมูลใหม่ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ หรือเรียกได้ว่า “ข้อมูลใหม่ๆ นั้นเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีวันหยุด”

การวิเคราะห์แบบ On-chain จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล วิธีการนี้เป็นกระบวนการในการใช้ข้อมูลที่อยู่บนบล็อกเชนในการวิเคราะห์เพื่อคาดเดาแนวโน้มหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตลาด ตัวชี้วัดบางอย่างที่พบในการวิเคราะห์แบบ On-chain เช่น ยอดคงเหลือในกระเป๋าเงิน ข้อมูลธุรกรรม ค่าธรรมเนียม ปริมาณธุรกรรม ที่อยู่ที่กำลังใช้งานอยู่ เป็นต้น 

ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนสามารถทำความเข้าใจในเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดด้วยข้อมูลที่แสดงออกมา ยกตัวอย่างเช่น หากโครงการมีการทำธุรกรรมและผู้ใช้งานจำนวนมาก แสดงว่าโครงการนั้นอาจกำลังเป็นที่นิยม ในทางกลับกัน หากผู้ใช้งานและปริมาณธุรกรรมบนเครือข่ายลดลง แสดงว่าโครงการนั้นกำลังสูญเสียผู้ใช้งานและความนิยมของเครือข่ายอาจจะกำลังลดลง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณา 

แหล่งข้อมูลที่นักลงทุนสามารถใช้สำหรับการวิเคราะห์แบบ On-chain เช่น EtherScan, DefiLlama, Messari หรือ Glassnode

4.24/7 Market

ในโลกการเงินแบบดั้งเดิม ตลาดซื้อ-ขายสินทรัพย์นั้นมีเวลาทำการที่ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น ตลาดหุ้นสหรัฐที่เปิดตั้งแต่ 21:30 – 04:00 น ตามเวลาประเทศไทย ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ และจะปิดทำการในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดที่สำคัญ แม้นักลงทุนบางส่วนจะให้ความสนใจกับการซื้อขายนอกเวลาทำการและมีอนุพันธ์บางส่วนที่สามารถทำการซื้อขายนอกเวลาทำการของตลาด แต่ปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาการซื้อขายหลักในตอนที่ตลาดเปิดทำการตามปกติ

แต่โลกคริปโทนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ตลาดคริปโตไม่เคยปิด ไม่มีวันหรือเวลาที่หยุดทำการ นักลงทุนทุกคนบนโลกใบนี้สามารถเข้าถึงตลาดคริปโทได้ทุกที่ ทุกวันและทุกเวลา นักลงทุนในแต่ละภูมิภาคของโลกล้วนส่งผลต่อตลาดในรูปแบบที่ต่างกัน เหตุการณ์ต่างๆ ทั่วโลกอาจจะทำให้ราคาของโทเคนขยับได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจมหภาคภายในประเทศหนึ่งอาจจะส่งผลต่อราคาของสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกก็เป็นได้ 

ดังนั้น นักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจึงต้องทำความเข้าใจต่อธรรมชาติของตลาดที่มีความผันผวนเหล่านี้ และต้องเตรียมตัวรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เนื่องจากตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นแตกต่างจากตลาดการเงินแบบดั้งเดิมอย่างสุดขั้ว

สิ่งสำคัญคือนักลงทุนต้องทำความเข้าใจว่าวิธีการวิเคราะห์แบบดั้งเดิมบางอย่างนั้นใช้ไม่ได้กับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล นักลงทุนจึงต้องทำความเข้าใจในกระบวนทัศน์ใหม่ๆ ของการวิเคราะห์และใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นสำหรับประกอบการลงทุน 

อย่างไรก็ตาม ถ้าศึกษาข้อมูลทุกอย่างที่กล่าวมาอย่างครบถ้วนแล้ว แต่ไม่มีเวลาและยังไม่มีตัวช่วยในการจัดการพอร์ตโฟลิโอที่ดีพอ จะทำอย่างไรดีล่ะ?

ScalesBot คือคำตอบและเราสามารถช่วยคุณได้ 

ScalesBot A.I. (สเกลบอทเอไอ) เป็นเครื่องมือเทรดอัตโนมัติในตลาดคริปโทที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ตั้งค่าผ่านเว็บไซต์ หลังจากนั้น A.I. จะทำงานเทรดตามกลยุทธ์ที่ผู้ใช้งานเลือก ไม่ว่าจะเป็ฯ

  • เทรดบน Spot Wallet
  • ปรับพอร์ตอัตโนมัติตามเทรนด์ตลาด
  • ปรับขนาดถือครองเหรียญอัตโนมัติ
  • หยุดการคาดเดา ใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์และตอบคำถาม
  • ดูแลทั้งพอร์ต ไม่ใช่แค่คู่เหรียญ
  • การตั้งค่า Stop Loss ในกรณีที่ต้องการจัดการความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง
  • โฟกัสสร้างกำไร ไม่ใช่ Cashflow
  • เชื่อมต่อปลอดภัยผ่าน API
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนสาย HOLDER

และด้วยฟังก์ชันการเชื่อมต่อผ่าน API ทำให้ผู้ใช้งานบอทของเราสบายใจได้ว่าสินทรัพย์ของพวกเขานั้นจะปลอดภัยหายห่วง เพราะการเชื่อมต่อผ่านทาง API โดยตรงจะสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงได้ ทำให้คุณไม่ต้องคอยกังวลว่าบอทจะโยกย้ายเงินของคุณไปที่ไหนรึเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น เงินทั้งหมดจะอยู่ในบัญชีของคุณ คุณไม่ต้องโอนเงินมาฝากที่เราแม้แต่บาทเดียว 

ไม่เพียงเท่านั้น หากคุณต้องการปิดการทำงานของบอท คุณก็สามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย เพียงล็อกอินผ่านหน้าเว็บไซต์ คุณก็สามารถที่จะเข้ามาเปิดหรือปิดการทำงานของบอทได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่ต้องการ 

สมัครสมาชิก ScalesBot วันนี้ ใช้งานฟรีทันที 7 วัน

ScalesBot A.I. เครื่องมือบริหารพอร์ตคริปโทฯ ช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการติดตามตลาด และสร้างกำไรได้จริงโดยอัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยี A.I.

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.scalesbot.com/
หรือหากต้องการทดลอง Backtest ย้อนหลังก่อนตัดสินใจสมัคร https://app.scalesbot.com/backtest

อ้างอิง : LINK