ตลาดคริปโทยังน่าสนใจอยู่ไหม แล้วทำไมเราถึงต้องลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล?

“หลายคนคิดในตอนแรกว่า Dogecoin เป็นเรื่องตลก” Randi Hipper ผู้มีชื่อเสียงและ Influencer ด้านคริปโทในชื่อ Miss Teen Crypto กล่าวในการสนทนากับ CoinDesk เมื่อปลายปี 2564 ไว้อย่างน่าสนใจ “แต่แล้วผู้คนอย่าง Elon Musk ก็เริ่มกล่าวถึงมันอย่างจริงจัง จากนั้น Mark Cuban ก็เข้ามาและเริ่มเปิดรับชำระด้วย DOGE และทุกอย่างมันก็เริ่มบ้าคลั่งกันมากขึ้น”

แต่นักลงทุนในคริปโทส่วนใหญ่นั้นไม่ได้สนใจเพียงแค่เหรียญ Meme ยอดนิยมอย่าง Dogecoin เท่านั้น อันที่จริง นักลงทุนทุกคนตั้งแต่นักลงทุนที่ทำเป็นงานอดิเรกไปจนถึงนักลงทุนสถาบัน อย่าง JPMorgan นั้นกำลังให้ความสนใจในสกุลเงินดิจิทัล, เทคโนโลยี Web 3 และ Metaverse กันมากยิ่งขึ้น และมองว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่เต็มไปด้วยโอกาสมากมายรออยู่

และในบทความนี้ ScalesBot จะมาอธิบายสาเหตุว่าทำไมผู้คนถึงหลงไหลในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนราวกับขึ้นรถไฟเหาะเหล่านี้ 

1.ลงทุนเพื่อการเก็งกำไร

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผู้คนหลงไหลในการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลคือ “การเก็งกำไรในราคาโดยหวังว่าสินทรัพย์ที่พวกเขาลงทุนจะมีมูลค่ามากขึ้นในอนาคต”

ในทศวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็นการเพิ่มขึ้นในด้านมูลค่าของเหรียญอย่าง Bitcoin และ Ethereum แม้ว่าอัตราผลตอบแทนในไม่กี่ปีให้หลังอาจไม่ได้โดดเด่นเท่าปีแรกๆ แต่นักลงทุนจำนวนมากก็ยังคงเชื่อมั่นในการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัลและคาดหวังว่าการลงทุนเพื่อเก็งกำไรเหล่านี้จะช่วยพวกเขาให้ก้าวไปสู่อนาคตที่ตั้งเป้าไว้ 

2.ลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและเป็นการเก็บรักษามูลค่า

Bitcoin หรือที่รู้จักกันในนาม “ทองคำดิจิทัล” เป็นที่รู้จักในฐานะสินทรัพย์ที่ถูกใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เนื่องมาจากจำนวน Bitcoin ทั้งหมดที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่มีการสร้างเพิ่ม การสร้างหรือขุด Bitcoin จะสิ้นสุดลงเมื่อจำนวนเหรียญถึงจุดสูงสุดที่ 21 ล้านเหรียญ 

Dave Abner จาก Gemini บอกกับ CoinDesk ในเดือนธันวาคมว่า “Bitcoin มันเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เพราะมันไม่มีการสร้างเพิ่มอีกแล้ว” เขากล่าวเสริมอีกว่า “ที่จริงแล้ว ฉันคิดว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะผลักดันราคาของ Bitcoin ก็คือความรู้สึกที่หวาดกลัวต่อเรื่องเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี”

3.ลงทุนเพื่อมีส่วนร่วมในเทคโนโลยีระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ

อีกหนึ่งสาเหตุใหญ่ที่ผู้คนชื่นชอบคริปโทก็คือ ระบบการเงินแบบการกระจายอำนาจ (DeFi) ที่ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงคุณสมบัติทางการเงินแบบดั้งเดิมที่มีความซับซ้อนและเข้าถึงได้ยากได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ดังนั้น ระบบการเงินแบบ Peer-to-Peer (P2P) ที่ไม่ต้องอาศัยตัวกลางและไม่ถูกกำกับดูแลโดยหน่วยงานใดๆ จึงช่วยดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ให้เข้ามาสู่โลกแห่งสินทรัพย์ดิจิทัลมากยิ่งขึ้น 

เทคโนโลยีหลักที่อยู่เบื้องหลังระบบการเงินแบบการกระจายอำนาจคือ Smart Contract หรือ สัญญาอัจฉริยะ ซึ่งจะเข้ามายกระดับระบบการเงินแบบกระจายอำนาจให้ดียิ่งขึ้น

Smart contract หรือ สัญญาอัจฉริยะ นั้นมีความคล้ายกับสัญญารูปแบบทั่วไปที่มีการกำหนดเงื่อนไขของข้อตกลง แต่มีควมแตกต่างกับสัญญาแบบทั่วไปๆ ตรงที่ เงื่อนไขของสัญญาอัจฉริยะนั้นจะดำเนินงานด้วยการโค้ด ซึ่งทำงานอยู่บนบล็อกเชน โดย Smart contract จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์จากความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และสามารถนำเสนอฟังก์ชันการทำงานแบบ Peer-to-Peer ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติทางการเงินมากมายไม่ว่าจะเป็นการปล่อยกู้ การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ NFT หรือ GameFi

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐอเมริกาและในประเทศต่างๆ ก็กำลังจับตาดูการพัฒนาของระบบการเงินแบบการกระจายอำนาจอย่างใกล้ชิด ทำให้ผู้คนมากมายเริ่มสงสัยว่าคริปโทจะยังคงกระจายอำนาจได้อีกนานแค่ไหน 

4.ลงทุนในเทคโนโลยีที่กำลังจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต

แม้ว่าโลกของคริปโทจะมีชื่อเสียงในฐานะ Wild, Wild West หรือโลกที่โหดร้ายและไม่มีกฏเกณฑ์ แต่ผู้คนมากมายก็สามารถรับรู้ได้ถึงศักยภาพของบล็อกเชนในฐานะโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่แฝงอยู่ เช่นเดียวกับเทคโนโลยีอย่าง คอมพิวเตอร์ หรือ iPhone ที่เคยเป็นเทคโนโลยีพลิกโลกมาแล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังระบุอีกว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถแก้ปัญหาที่ปวดหัวและซับซ้อนได้ในหลากหลายอุตสาหกรรมและยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยทำในการสร้างกระบวนการทำงานที่ดีขึ้นเช่น การการลงคะแนนที่เป็นไปอย่างยุติธรรม ความโปร่งใสใน Supply Chain ความปลอดภัยของข้อมูลและอื่นๆ อีกมากมาย 

Michelle Brownstein นักวางแผนทางการเงินที่ Personal Capital กล่าวว่า “เมื่อคุณนึกถึงเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังคริปโทอย่างเทคโนโลยีบล็อกเชน มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบล็อกเชนนั้นเป็นสิ่งที่มีโอกาสและอนาคตอีกมากมายรออยู่” เขากล่าวอีกว่า “บางทีบล็อกเชนนั้นอาจเป็นอนาคตของอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน”

“เทคโนโลยีบล็อคเชนนั้นมีศักยภาพที่จะช่วยให้ธุรกิจนั้นมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น มันจะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้าในเรื่องของข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและยังช่วยให้การตรวจสอบตัวตนสะดวกยิ่งขึ้น” Medha Parlikar CFO ของบริษัทด้านบล็อกเชน CasperLabs ที่เปิดตัวในปี 2018 และอยู่เบื้องหลัง Casper Network เทคโนโลยีบล็อกเชนสำหรับองค์กร กล่าวเสริม

5.ลงทุนเพื่อสร้าง Passive income 

ระบบการเงินแบบการกระจายอำนาจ (DeFi) นั้นช่วยให้ผู้คนมากมายสามารถสร้างรายได้แบบ Passive ที่สามารถหล่อเลี้ยงชีวิตได้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถได้รับดอกเบี้ยจากการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลของพวกเขา ผ่านคุณสมบัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การปล่อยกู้/กู้ยืม การ Staking การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ การเพิ่มสภาพคล่องหรือคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย 

การสร้างรายได้แบบ Passive นั้นมีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนสามารถฝากเงินในรูปแบบ Stablecoin กับแพลตฟอร์มต่างๆ ได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาด ยกตัวอย่างเช่น การฝาก BUSD และ USDT มูลค่าไม่เกิน 2,000 ดอลลาร์ ใน Binance จะได้รับดอกเบี้ย 10% ต่อปี หรือจะเป็นใน Gate.io ที่นักลงทุนสามารถฝากและล็อค USDG (Stablecoin ของ Gate.io เป็นระยะเวลา 7 วัน เพื่อรับดอกเบี้ย 6%

อ่านมาถึงจุดนี้ เริ่มอยากลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วใช่ไหมล่ะครับ

ScalesBot คือคำตอบที่คุณกำลังตามหาซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การลงทุนของคุณได้ 

ScalesBot A.I. (สเกลบอท เอไอ) เป็นเครื่องมือเทรดอัตโนมัติในตลาดคริปโทที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ตั้งค่าผ่านเว็บไซต์ หลังจากนั้น A.I. จะทำงานเทรดตามกลยุทธ์ที่ผู้ใช้งานเลือก ไม่ว่าจะเป็น

• ScalesBot มีการปรับใช้ RSI ในกลยุทธ์การบริหารจัดการพอร์ต ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและช่วยให้พอร์ตของนักลงทุนเติบโตอย่างมั่นคง
• เทรดบน Spot Wallet
• ปรับพอร์ตอัตโนมัติตามเทรนด์ตลาด
• ปรับขนาดถือครองเหรียญอัตโนมัติ
• หยุดการคาดเดา ใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์และตอบคำถาม
• ดูแลทั้งพอร์ต ไม่ใช่แค่คู่เหรียญ
• การตั้งค่า Stop Loss ในกรณีที่ต้องการจัดการความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง
• โฟกัสสร้างกำไร ไม่ใช่ Cashflow
• เชื่อมต่อปลอดภัยผ่าน API
• เหมาะสำหรับนักลงทุนสาย HOLDER

และด้วยฟังก์ชันการเชื่อมต่อผ่าน API ทำให้ผู้ใช้งานบอทของเราสบายใจได้ว่าสินทรัพย์ของพวกเขานั้นจะปลอดภัยหายห่วง เพราะการเชื่อมต่อผ่านทาง API โดยตรงจะสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงได้ ทำให้คุณไม่ต้องคอยกังวลว่าบอทจะโยกย้ายเงินของคุณไปที่ไหนรึเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น เงินทั้งหมดจะอยู่ในบัญชีของคุณ คุณไม่ต้องโอนเงินมาฝากที่เราแม้แต่บาทเดียว ถ้าหากคุณต้องการปิดการทำงานของบอท คุณก็สามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย เพียงล็อกอินผ่านหน้าเว็บไซต์ คุณก็สามารถที่จะเข้ามาเปิดหรือปิดการทำงานของบอทได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่ต้องการ 

Always DYOR & Enjoy Using ScalesBot!

อ้างอิง : LINK