
1.Bull Trap คืออะไร?
Bull Trap เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดเกิดความผันผวนและไม่แน่นอน การที่มันถูกเรียกว่า “กับดัก” ของกระทิงนั้นมาจากการที่เทรดเดอร์นั้นเชื่อว่าสินทรัพย์ที่ลดลงนั้นกำลังเพิ่มขึ้นจริงๆ อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกปลอดภัยที่ผิดพลาดนี้อาจนำไปสู่การสูญเสียจำนวนมากเนื่องจากมันเป็นการขึ้นหลอกและราคาอาจจะร่วงหล่นอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา
เมื่อสงสัยว่าการลงทุนของเรากำลังต้องเจอกับ Bull Trap คุณควรจะทำการออกจากการซื้อ/ขายในครั้งนั้นโดยทันที อย่าลืมที่จะตั้ง Stop Loss เพื่อหยุดการขาดทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตลาดมีความผันผวนที่รุนแรงและเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
2.Bull Trap ทำงานอย่างไร?
เทรดเดอร์หลายคนมักมองหาการกลับตัวของสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อเข้าทำกำไรและนั้นอาจจะทำให้พวกเขาเหล่านั้นต้องเจอกับดักตัวร้ายที่เรียกว่า Bull Trap
นักลงทุนมักค้นหากลับตัวสู่ขาขึ้นและเริ่มเข้าซื้อ โดยคิดว่าช่วงขาลงได้สิ้นสุดลงแล้ว โชคไม่ดีที่สิ่งนี้มักจะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวของราคาเพียงชั่วคราวและราคามักจะกลับลงมาที่แนวโน้มขาลงในที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การสูญเสียอย่างหนักสำหรับผู้ที่เข้าซื้อในจุดนี้
3.Bull Trap ในตลาดสกุลเงินดิจิทัล
ในตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวน Bull Trap ก็เป็นสิ่งที่มักพบเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง กับดักกระทิงทำงานเหมือนกับที่ทำในตลาดอื่นๆ ตัวอย่างเช่น หากราคาของ altcoin เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นักลงทุนก็อาจเชื่อว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณจึงเข้าซื้อบางส่วนและรอให้ราคาขึ้นเพื่อขายได้กำไร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต่างๆ มักไม่ได้เป็นไปตามที่หวังและต้องเผชิญกับการลดลงอย่างรวดเร็ว แม้คุณจะคาดหวังว่าราคานั้นจะกลับตัวอย่างแท้จริง แต่ราคากลับลดลงอย่างต่อเนื่องและยังอยู่ในแนวโน้มขาลงต่อไป
4.Bull Trap ก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง
Bull Trap มักถูกใช้โดยทั้งนักลงทุนรายวันและนักลงทุนระยะยาว ดังนี้
- สำหรับนักลงทุนรายวัน Bull Trap นั้นเป็นโอกาสที่จะทำให้นักลงทุนสามารถเปิด Short เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มขาลงทึ่เกิดขึ้น
- สำหรับนักลงทุนระยะยาว Bull Trap เป็นโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลในราคาที่ต่ำ เนื่องจากราคาร่วงลงหลังจากการ Fake Pump ทำให้สามารถสะสมสินทรัพย์ได้มากขึ้นเพื่อตลาดกระทิงครั้งถัดไป
5.วิธีการตรวจสอบ Bull Trap
5.1 Relative Strength Index (RSI)
ในกรณีของ Bull Trap ที่น่าจะเป็นไปได้ สถานการณ์ RSI ที่สูงซึ่งหมายถึงการซื้อที่มากเกินไปหรือ OverBought นั้นบ่งชี้ว่าเราอาจจะกำลังได้เจอแรงกดดันในการขายที่เพิ่มขึ้น เพราะนักลงทุนมักจะกระตือรือร้นที่จะทำการขายเพื่อเก็บกำไรของพวกเขาไว้ ซึ่งแนวโน้มของขาขึ้นที่ได้ฝ่าขึ้นไปในครั้งแรกอาจไม่ได้บ่งบอกถึงการขึ้นของราคาอย่างต่อเนื่องและราคาก็อาจจะลดลงอย่างรวดเร็วในอนาคตก็เป็นได้
5.2 ปริมาณการซื้อที่ไม่มากพอ
หากมีการเพิ่มขึ้นของปริมาณการเพิ่มขึ้นที่เล็กน้อยหรือไม่มากพอ รวมไปถึงโมเมนตันที่ไม่แข็งแรง ก็เป็นสัญญาณว่านักลงทุนในตลาดนั้นไม่ได้ให้ความสนใจในหลักทรัพย์นั้นมากนัก ทำให้การเพิ่มขึ้นในครั้งนั้นไม่ยั่งยืนและราคาของสินทรัพย์อาจจะลดลงในที่สุด
ดังนั้น ราคาที่เพิ่มขึ้นโดยไม่มีปริมาณการซื้อขายที่มากพอมาสนับสนุนอาจจะนำไปสู่เหตุการณ์ Bull Trap ได้อย่างมีนัยสำคัญ
5.3 ราคากำลังขึ้นไปทดสอบระดับแนวต้านอีกครั้ง
อีกหนึ่งตัวบ่งชี้ที่น่าสนใจของ Bull Trap ก็คือการขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่สำคัญของสินทรัพย์ หากโมเมนตัมขาขึ้นของสินทรัพย์นั้นมากพอที่จะพุ่งทะลุแนวต้านสำคัญที่คอยกดราคาของสินทรัพย์ไว้ได้ สินทรัพย์ก็จะสามารถเปลี่ยนแนวโน้มได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาสินทรัพย์ต้องขึ้นไปเจอกับแนวต้านที่สำคัญแต่ไม่สามารถพุ่งทะลุแนวต้านนั้นได้ ราคาก็อาจจะร่วงหล่นอย่างรุนแรงเนื่องจากนักลงทุนมากมายพร้อมใจกันเทขายที่แนวต้านเพื่อเก็บกำไรของพวกเขา
5.4 แท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ที่น่าสงสัย
สิ่งที่น่าสงสัยและล่อเม่ามากที่สุดคือ แท่งเทียนสีเขียวขาขึ้นขนาดใหญ่ที่มักจะกลืนกินหรือ Engulfing แท่งเทียนที่ผ่านมาทั้งหมด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายประการดังนี้
- ผู้เล่นรายใหญ่จงใจผลักดันราคาให้สูงขึ้นเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ
- นักลงทุนรายใหม่มั่นใจว่าจะราคาของสินทรัพย์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นและเริ่มซื้ออีกครั้ง
- ผู้ขายจงใจปล่อยให้ผู้ซื้อครองตลาดในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้ราคาสามารถกลับไปที่โซนแนวต้านได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อราคานั้นเพิ่มขึ้นไปถึงจุดหนึ่ง นักลงทุนที่รอจังหวะอยู่แล้วก็จะเทขายอย่างรวดเร็วและทำให้นักลงทุนที่เข้าตามมาทีหลังต้องขาดทุนในที่สุด
อ่านมาจนถึงจุดนี้แล้วเกิดความกังวลว่าจะต้องเจอกับ Bull Trap ใช่ไหมครับ? ไม่ต้องกังวลไป
ScalesBot คือคำตอบที่คุณกำลังตามหาซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การลงทุนของคุณได้
ScalesBot A.I. (สเกลบอท เอไอ) เป็นเครื่องมือเทรดอัตโนมัติในตลาดคริปโทที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ตั้งค่าผ่านเว็บไซต์ หลังจากนั้น A.I. จะทำงานเทรดตามกลยุทธ์ที่ผู้ใช้งานเลือก ไม่ว่าจะเป็น
- ScalesBot มีฟังก์ชันการทำ Backtesting ให้ผู้ใช้งานได้ทดลองใช้ เพื่อค้นหากลยุทธ์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้พอร์ตการลงทุนของคุณ
- ScalesBot มีการปรับใช้ RSI ในกลยุทธ์การบริหารจัดการพอร์ต ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและช่วยให้พอร์ตของนักลงทุนเติบโตอย่างมั่นคง
- เทรดบน Spot Wallet
- ปรับพอร์ตอัตโนมัติตามเทรนด์ของตลาด
- ปรับขนาดของการถือครองเหรียญโดยอัตโนมัติ
- หยุดการคาดเดา เพราะเราใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์และตอบคำถาม
- ดูแลทั้งพอร์ต ไม่ใช่แค่คู่เหรียญ
- การตั้งค่า Stop Loss ในกรณีที่ต้องการจัดการความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง
- โฟกัสสร้างกำไร ไม่ใช่ Cashflow
- เชื่อมต่อปลอดภัยผ่าน API
- เหมาะสำหรับนักลงทุนสาย HOLDER
และด้วยฟังก์ชันการเชื่อมต่อผ่าน API ทำให้ผู้ใช้งานบอทของเราสบายใจได้ว่าสินทรัพย์ของพวกเขานั้นจะปลอดภัยหายห่วง เพราะการเชื่อมต่อผ่านทาง API โดยตรงจะสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงได้ ทำให้คุณไม่ต้องคอยกังวลว่าบอทจะโยกย้ายเงินของคุณไปที่ไหนรึเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น เงินทั้งหมดจะอยู่ในบัญชีของคุณ คุณไม่ต้องโอนเงินมาฝากที่เราแม้แต่บาทเดียว ถ้าหากคุณต้องการปิดการทำงานของบอท คุณก็สามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย เพียงล็อกอินผ่านหน้าเว็บไซต์ คุณก็สามารถที่จะเข้ามาเปิดหรือปิดการทำงานของบอทได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่ต้องการ
Always DYOR & Enjoy Using ScalesBot!
อ้างอิง: LINK