
7 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มใช้งานเรา
อะไรคือความแตกต่างของ ScalesBot จากบอททั่วไป และความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำงานของบอท วันนี้เราจึงอยากไขข้อสงสัยของทุกคนว่าจริงๆ แล้ว บอทของเราทำหน้าที่อะไร แล้วช่วยให้คุณทำกำไรในตลาดคริปโทฯ ได้อย่างไร?
- Trend Following; not Position Trading
- Spot; not Future
- Backtesting; not Guessing
- Portfolio; not Pair
- Focus on Profit; not Cashflow
- Design for HODLER; not Day Trader
- Automate Position Sizing; not Fixed Rebalancing
1) Trend Following; not Position Trading
– เราเป็นบอท Trend following หรือ เทรดตามเทรนของตลาด ไม่ว่าจะเป็นระยะกลาง หรือ ระยะยาว ด้วยการอาศัยสัญญาณเข้าออกจาก Indicator หลายตัว และ การอ่านรูปแบบกราฟ เพื่อวิเคราะห์คะแนน และ ขนาดของการถือครองเหรียญทุกเหรียญในพอร์ทการลงทุนในแต่ละช่วงเวลา
– เราทำงานเป็นรอบๆ แล้วแต่ผู้ใช้จะตั้งค่า แต่ค่าเริ่มต้นที่แนะนำจะเป็นการเทรดเมื่อปิดแท่งกราฟ (ทุก 4 ชั่วโมงสำหรับ Medium Tail Timeframe A.I. และ 1 วัน สำหรับ Long) เพื่อให้เป็นระบบที่ชัดเจนตามผู้ใช้ส่วนใหญ่ในตลาดทั่วโลก
– เรายังมี Stop loss หาเกิด Down Trend ช่วยจำกัดการขาดทุน ให้คุณมีเงินไปซื้อเหรียญอื่น เมื่อมีการขึ้นได้อีกด้วย
– เรากำหนดการถือครองด้วย ระบบ Automate Position Sizing ไม่ใช่การเข้าออกตามไม้ ทำให้คุณมีโอกาสเพิ่มขึ้น
2) SPOT; not Future
– เราทำการเทรดบน Spot เท่านั้น ไม่มีการเทรดบน Future เชื่อมต่อโดยตรงกับ Exchange ผ่าน API ทำให้ลูกค้าสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงของบอทได้
– มั่นใจในความปลอดภัยของบัญชี สิทธิ์ที่ให้บอทผ่าน API จะไม่สามารถฝากถอนเงินเองได้ จึงไม่มีความเสี่ยงที่บอทของเราจะสามารถย้ายเงินของลูกค้าไปไหนได้ สบายใจหายห่วง
3) Backtesting; not Guessing
– การเทรดโดยไม่มีระบบระเบียบ นำมาสู่หายนะเสมอ เพราะการคาดเดาก็ไม่ต่างจากการเล่นพนัน เราจึงออกแบบระบบโดยอาศัยข้อมูลตลาดอ้างอิงเสมอ และ มุ่งเน้นอย่างที่สุดที่จะทำให้บอททำงานได้ใกล้เคียงกับผลลัพธ์จากการ Backtest ที่สุด
– คุณเองก็สามารถทดสอบผลลัพธ์ของระบบ และ เหรียญที่คุณต้องการถือครองย้อนหลังได้ยาวนานถึง 3 ปีได้ฟรี ก่อนตัดสินใจลงทุนทางเว็บไซต์ของเรา
– ข้อมูลย้อนหลังไม่อาจจะใช้เพื่อชี้วัดผลตอบแทนในอนาคตได้เสมอไป ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดและปัจจัยอื่นๆ
4) Portfolio; not Pair
– เราบริการจัดการทั้ง Portfolio เราไม่ใช่ Grid Trading หรือ Position Trading ตามคู่เหรียญหนึ่งๆ แต่เราออกแบบระบบให้พยายามบริหารพอร์ท ของคุณให้มีโอกาสในการทำกำไรมากเท่าที่จะเป็นไปได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ
– ระบบ Automate Position Sizing ทำให้คุณสามารถเพิ่มโอกาสให้ตัวเองด้วยการสร้าง Portfolio ที่มีเหรียญได้จำนวนมากขึ้น โดยไม่ต้องกันเงินเพื่อแบ่งสัดส่วนการถือ Position ในแต่ละเหรียญ
5) Focus on Profit; not Cashflow
– เราจะไม่บอกคุณว่า การสร้าง Cash Flow คือผลกำไร เพราะถ้าผลรวมแล้ว Portfolio ของคุณไม่โตขึ้น มันก็คงไม่มีประโยชน์ ที่คุณจะทำการเทรด
– และเราก็คงไม่บอกคุณว่าคุณจะกำไรเสมอไป “ระบบของเราถูกออกแบบให้โฟกัสที่ผลกำไรในช่วงขาขึ้นให้ได้มากที่สุด มากพอที่คุณจะยังกำไรต่อไปแม้ตลาดจะเข้าสู่ขาลง” ถ้าคุณอยู่ในตลาดนานพอคุณจะทำกำไรได้อย่างแน่นอน และนั่นคือความจริงเดียวที่เราอยากบอกคุณ
– ในตลาด Spot โอกาสในการทำกำไรนั้นเกือบจะเป็นไปไม่ได้ในตลาดที่ไม่ใช่ขาขึ้น เราทำได้เพียงพยายามลดการขาดทุนโดยไม่จำเป็นให้มากที่สุด เพื่อให้คุณมีเงินเหลือมาทำกำไรในช่วงขาขึ้น
6) Design for HODLER; not Day Trader
– ถ้าหากคุณคาดหวังกำไรระยะสั้นๆ หรือ เป็นคนที่คันไม้คันถืออยากจะปรับพอร์ตตลอดเวลา เราอาจจะต้องขอโทษคุณที่เราอาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับคุณ
– สำหรับสาย HODLER ที่คุณสามารถทนถือเหรียญได้ด้วยแผนการลงทุนระยะยาว แม้ว่าราคาจะลงไปเท่าไหร่ก็ตาม ระบบของเราออกแบบมาเพื่อให้คุณแบ่งเงินบางส่วนมาเพื่อใช้เงินลงทุนของคุณอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยระบบในการโยกสัดส่วนของเหรียญภายในพอร์ทไปยังเหรียญที่มีโอกาสดีที่สุดในเวลานั้นๆ ในกรณีส่วนใหญ่การขาดทุนสะสมของระบบจะไม่มากไปกว่าการถือครองแบบ HODL (ในกรณีส่วนใหญ่) แต่ช่วยให้คุณทำกำไรได้มากกว่า
7) Automate Position Sizing; not Fixed Rebalancing
– ช่วยให้เงินลงทุนของคุณทำงานได้อย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องถือเหรียญรอคอยการขึ้นที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่อีกต่อไป
– ระบบ Automate Position Sizing ทำงานควบคู่กับ ระบบ Trend following ช่วยกำหนดสัดส่วนการถือครองเหรียญในช่วงเวลาต่างๆ ด้วยระบบ Scoring ด้วย A.I. ช่วยให้เราสามารถยืมเงินจากเหรียญที่ราคาไม่ขยับ หรือ ลดขนาดการถือเหรียญที่ราคากำลังขยับลง มาซื้อเหรียญที่กำลังขยับขึ้นอยู่ในเวลานั้น
– ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมี $BTC $ADA $ETH และ $USDT อยู่ในพอร์ต แล้วในขณะนี้ ราคา $BTC ไม่ขยับ ระบบจะยืมสัดส่วนของ $BTC โดยการขาย $BTC ไปก่อน เพื่อซื้อ $ETH หรือ $ADA ที่ราคาขยับขึ้นมากกว่า นอกจากนี้ถ้าหากเหรียญต่างๆอยู่ในช่วงขาลงทั้งหมด ระบบจะทำการขายเป็น $USDT (Stable Coin) เพื่อรักษามูลค่าของพอร์ทไว้ รอการขึ้นอีกครั้ง จึงทำให้สามารถลดต้นทุนที่เกิดจากการเสียโอกาส และ เปลี่ยนเป็นกำไรได้