fbpx

จะทำอย่างไรเมื่อตลาดหมีมาเยือน? และ 5 วิธีเอาตัวรอดจากสภาวะตลาดขาลงอันโหดร้าย

นักลงทุนมากมายต่างได้กำไรกันอย่างง่ายดายในช่วงตลาดกระทิง พวกเขาเพียงซื้อและถือไว้ก็สามารถทำกำไรได้มหาศาล แต่ทุกอย่างนั้นแตกต่างไปในตลาดหมี เมื่อปริมาณการซื้อขายนั้นลดลงและผู้คนเริ่มออกจากตลาด การทำกำไรในการซื้อขายแต่ละครั้งก็จะยากยิ่งขึ้นและอาจจะกระทบไปถึงทุนซึ่งจะส่งผลเสียมากมายตามมา

ตลาดคริปโตมีช่วงเวลาที่ดีในปี 2020 และ 2021 แต่จะให้มีแต่ช่วงเวลาที่ดีก็คงไม่ได้ เพราะหลังจากที่ Bitcoin พุ่งขึ้นไปทำ ATH ที่ระดับ $68,789 เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2021 ราคาของสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ก็ลดลงมาอย่างต่อเนื่องจนเหลือเพียง $38,810 ณ วันที่ 8 มีนาคม 2565 หรือคิดเป็นการลดลงประมาณ 43.36% จากระดับสูงสุดตลอดกาล

การลดลงของ Bitcoin นั้นไม่ได้ส่งผลเพียงราคาของตัวมันเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบต่อตลาดโดยรวมเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้คนต่างเทขายสินทรัพย์ต่างๆที่พวกเขาถือครองและเริ่มที่จะออกจากตลาด ทำให้ตลาดเกิดความซบเซาและมีการซื้อขายที่ลดลง หรือที่เราเรียกกันว่า “ตลาดหมี”

สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และคุ้นเคยกับตลาดการเงินอยู่แล้ว คงจะคุ้นเคยและเข้าใจกับคำว่า “ตลาดกระทิง” และ” ตลาดหมี” กันดี  ซึ่งหมีและกระทิงจะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์สำหรับอธิบายสภาวะตลาดในช่วงนั้นๆ โดยหมีนั้นเป็นดั่งสัญลักษณ์ของการจำศีลหรือการหลับใหล ซึ่งเป็นตัวแทนของตลาดขาลงที่มีบรรยากาศการซื้อขายซบเซา ขณะที่กระทิงนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความกระตือรือร้นและเข้มแข็ง ซึ่งเป็นตัวแทนของตลาดขาขึ้นที่มีการซื้อขายอย่างคึกคัก

นักลงทุนมากมายต่างได้กำไรกันอย่างง่ายดายในช่วงตลาดกระทิง พวกเขาเพียงซื้อและถือไว้ก็สามารถทำกำไรได้มหาศาล แต่ทุกอย่างนั้นแตกต่างไปในตลาดหมี เมื่อปริมาณการซื้อขายนั้นลดลงและผู้คนเริ่มออกจากตลาด การทำกำไรในการซื้อขายแต่ละครั้งก็จะยากยิ่งขึ้นและอาจจะกระทบไปถึงทุนซึ่งจะส่งผลเสียมากมายตามมา

เพราะฉะนั้น ในบทความนี้ พี่ Bot จะแนะนำวิธีการเอาตัวรอดจากตลาหมีสุดอันตรายให้กับผู้อ่านทุกท่านกันครับ

5 วิธีเอาตัวรอดเมื่อตลาดอยู่ในภาวะซบเซา

1.Money Management เพื่อป้องกันความเสี่ยง

ในสภาวะของตลาดหมีที่การทำกำไรนั้นไม่ง่ายเช่นเดิม นักลงทุนทุกคนควรที่จะเตรียมแผนในการลงทุนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการบริหารความเสี่ยงด้วยการกำหนดขนาดการลงทุนให้สอดคล้องกับการเทรดในแต่ละครั้ง(Position Sizing) เพื่อคุมความเสี่ยงของเราให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่ตลอดหรือจะเป็นการยอมตัดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อป้องกันหรือลดผลกระทบจากขาดทุนที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงการทำกำไร (Take Profit) เมื่อถึงจุดที่พอใจหรือวางแผนไว้ เนื่องจากเทรนด์ต่าง ๆในตลาดขาลงนั้นจะไม่แข็งแรงและมีความผันผวนสูง ทำให้นักลงทุนควรจะทำกำไรได้เมื่อมีโอกาส เพราะไม่มีใครรู้ว่าตลาดหมีนั้นจะยาวนานและลดลงหนักหน่วงขนาดไหน ทำให้การวางแผนเพื่อจำกัดความเสี่ยงนั้นสำคัญมากสำหรับการลงทุนในตลาดคริปโต

2.มองหาเหรียญพื้นฐานดีที่มีราคาถูก

ช่วงที่ตลาดคริปโตปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง นักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะเกิดความกลัวและเริ่มเทขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่พวกเขาถือครองอยู่ทำให้ราคาของเหรียญต่าง ๆนั้นปรับลดอย่างต่อเนื่อง 

แต่ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ เนื่องจากการลดลงของราคานั้นเป็นเพียงการลดลงที่เกิดจากความตื่นตระหนกและความกลัวเท่านั้น ไม่ได้มีผลจากพื้นฐานของเหรียญที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เมื่อตลาดหมีมาถึง นักลงทุนจะได้เหรียญพื้นฐานดีในราคาที่ถูก เมื่อสภาวะของตลาดกลับมาเป็นปกติ นักลงทุนมากมายก็จะกลับมาซื้อหุ้นเหล่านั้น ทำให้นักลงทุนที่เข้าซื้อในช่วงการเทขายอย่างหนักนั้นมีโอกาสที่จะทำกำไรได้มากขึ้น

3.การ Staking เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ

การ Staking คือการที่นักลงทุนนำสินทรัพย์ดิจิทัลของพวกเขาไปล็อคไว้บนบล็อกเชนในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อสร้างรายได้แบบ Passive จากดอกเบี้ยหรือรางวัลที่แพลตฟอร์มต่าง ๆนั้นจะมอบให้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในตลาดหมี โดยการ Staking นั้นจะมีให้เลือกทั้งในรูปแบบของการ Staking ในกระดานเทรดชั้นนำเช่น Binance, OKX, Kucoin หรือกระดานเทรดชั้นนำอีกมากมาย ซึ่งจะมีความปลอดภัยและมีวิธีการใช้งานง่ายดายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ หรือทำการ Staking ในแพลตฟอร์ม DeFi เช่น PancakeSwap,TraderJoe,SushiSwap หรือแพลตฟอร์มชั้นนำต่าง ๆเพื่อรับผลตอบแทนที่น่าพอใจ แต่วิธีนี้ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เนื่องจากนักลงทุนต้องนำสินทรัพย์ของตนไปฝากหรือล็อกไว้กับแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง ทำให้นักลงทุนต้องศึกษาและตรวจสอบความปลอดภัยของแพลตฟอร์มที่จะนำไปฝากให้ถี่ถ้วนเพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทุนเหล่านั้น

4.ปรับใช้กลยุทธ์ DCA(Dollar-cost averaging) ให้เกิดประโยชน์

Dollar-cost averaging เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ผู้ซื้อแบ่งจำนวนเงินในปริมาณที่เท่าๆกันเพื่อลงทุน แล้วนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนใจว่าเป็นตลาดขาขึ้นหรือลง ซึ่ง DCA ถือเป็นหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยขยายพอร์ตของคุณให้โตขึ้นได้เป็นอย่างดีในตลาดหมี

เพราะการ DCA ในเหรียญที่มีพื้นฐานดีในช่วงตลาดหมีนั้นจะทำให้นักลงทุนได้ปริมาณสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น โดยปริมาณของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นมีโอกาสที่จะทำให้คุณได้เห็นกำไรที่น่าพอใจในอนาคตเมื่อตลาดกระทิงกลับมา

5.เสริมความรู้และทักษะต่างๆให้กับตัวเอง

หนึ่งสิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดที่นักลงทุนสามารถทำได้ในช่วงตลาดเงียบเหงาคือ การลงทุนในตัวเองโดยการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ วิธีนี้จะช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลที่มีต่อตลาดและยังนำไปสู่หนทางใหม่ๆในการสร้างความมั่งคั่งได้อีกด้วย

ในช่วงที่ตลาดซบเซา นักลงทุนสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโปรแกรมใน Solidity,ลงคอร์สเรียนการออกแบบกราฟิกเพื่อสร้าง NFT รวมไปถึงการศึกษาเทคนิคการลงทุนหรือความรู้ใหม่ๆเพื่อทำความเข้าใจภาคส่วนต่างๆของตลาดให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

เพราะความรู้ การมองโลกในแง่บวกและความอดทนก็เป็นอีกหนึ่งทางรอดในตลาดหมีที่โหดร้ายนี้

กราฟ Backtest รอบ 12 เดือนย้อนหลัง

หากลองพิจารณากราฟ Backtest ย้อนหลัง 12 เดือน จริงๆ ก็จะพบว่าตลาดมีช่วงที่ drawdown ลึกถึง 20-60% (ขึ้นอยู่กับการจัดเหรียญที่ลงทุนในพอร์ต) แต่ทุกครั้ง ตลาดก็จะค่อยๆ มีแนวโน้มกลับมาดีขึ้น โดยหากสังเกตว่าด้วยการที่มีกลยุทธ์ที่ดี มีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เลือกเหรียญที่ดีที่สุดในแต่ละช่วงเวลา และมีความอดทนก็จะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาลำบากเหล่านี้ไปได้

หากสนใจอยากลองจัดพอร์ตสมมติ สามารถลอง Backtest ได้ง่ายๆ ฟรีผ่านระบบของเราได้ทาง https://app.scalesbot.com/backtest