
Bitcoin หรือสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนมากที่สุด เราอาจจะไม่สามารถทำอะไรกับความผันผวนเหล่านั้นได้ แต่มันก็ยังมีทางที่จะช่วยลดผลกระทบจิตวิทยาจากการแกว่งของราคาระหว่างวันที่ไม่คาดคิดได้ และนี่คือกฎพื้นฐานห้าข้อที่จะช่วยให้นักลงทุนในคริปโทนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มมากขึ้น
1.เงินที่นำมาลงทุนในโลกคริปโตต้องเป็น “เงินเย็น”
นักลงทุนมากมายที่เข้ามาในตลาดคริปโทหวังว่าพวกเขาจะสามารถทำกำไรจำนวนมหาศาลได้ในเวลาอันสั้น จนบางรายถึงขั้นไปกู้ยืมเงินเพื่อนำมาลงทุน อย่างไรก็ตาม การกู้ยืมเงินเพื่อนำมาลงทุนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะตลาดคริปโทนั้นมีความผันผวนที่สูงมาก ถ้านักลงทุนไม่ควบคุมความเสี่ยงให้ดีพอ เงินที่คุณกู้ยืมมานั้นอาจจะหายไปได้ในพริบตา
ดังนั้น นักลงทุนควรจะจัดสรรเงินที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในโลกคริปโท หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “เงินเย็น” เงินก้อนนี้จะต้องเป็นเงินที่คุณไม่จำเป็นจะต้องนำไปใช้ในกรณีใดๆ ไม่ใช่เงินที่ได้มาจากการกู้ยืมและเป็นเงินที่ถ้ามูลค่าของมันลดลงเหลือ 0 มันก็จะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงกับชีวิตของคุณ
2.การ DCA เป็นสิ่งที่สำคัญ
กลยุทธ์การ DCA (Dollar Cost Average) คือการที่เราใช้เงิน Fiat ในการซื้อคริปโทด้วยจำนวนที่เท่ากันในทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน โดยไม่สนใจถึงการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนรายหนึ่งจะทำการซื้อ Bitcoin มูลค่า 200 ดอลลาร์ในทุกบ่ายวันจันทร์เป็นเวลาหนึ่งปี เป็นต้น
การ DCA ในเหรียญที่มีพื้นฐานดีในช่วงตลาดหมีนั้นจะทำให้นักลงทุนได้ปริมาณสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น โดยปริมาณของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นมีโอกาสที่จะทำให้คุณได้เห็นกำไรที่น่าพอใจในอนาคต เมื่อตลาดกระทิงกลับมา
3.อย่าใช้ Indicator หลายตัวเกินไป
ตัวชี้วัดทางเทคนิคนั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Moving Average, Fibonacci retracement, Bollinger Bands, Directional Movement Index, Ichimoku Cloud, Parabolic SAR หรือ Relative Strength Index แล้วคุณจะเลือกใช้ตัวชี้วัดแบบไหนดีสำหรับการลงทุนของคุณ?
นักลงทุนที่มีประสบการณ์มากเพียงพอจะรู้ว่าการอ่านสภาวะที่เกิดขึ้นในตลาด ณ ขณะนั้นอย่างถูกต้องนั้นมีความสำคัญมากกว่าการเลือกตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุด การพยายามวิเคราะห์ราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยตัวชี้วัดที่มากเกินไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ
ดังนั้น คุณควรจะเลือกตัวชี้วัดที่สนใจมาซัก 3 ตัว ศึกษาตัวชี้วัดเหล่านั้นให้เข้าใจอย่างท่องแท้ นำมาปรับใช้กับการลงทุนของตนเอง ฝึกฝนเข้าไว้ อย่าลืมที่จะตั้ง Stop Loss แล้วการพอร์ตการลงทุนของคุณจะเติบโตได้อย่างมั่นคง
4.เรียนรู้ว่าเมื่อใดควรที่จะพักอยู่ข้างสนาม
เมื่อใดก็ตามที่คุณเจอ “ช่วงแย่ๆ” ซึ่งเราทุกคนล้วนต้องมีช่วงเวลาที่แย่ๆ ที่ทำการซื้อ-ขายยังไงก็ไม่สามารถทำกำไรได้ คำแนะนำของเราคือ “พักบ้าง” ให้เวลาตัวเองในการออกไปทำอย่างอื่น เคลียร์สมองจากความเหนื่อยล้าซัก 2-3 วัน เพราะการขาดทุนหรือสิ่งต่างๆ ที่ไม่เป็นไปตามแผนนั้นจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสมองและจิตใจของเรา ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณสูญเสียมากกว่าเดิม หากคุณยังฝืนเล่นต่อไป
ดังนั้น ออกไปเดินเล่นหรือหาของอร่อยๆ กินเพื่อผ่อนคลายตัวเอง เพราะนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงนั้นไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์มากที่สุด แต่เป็นผู้ที่อยู่รอดในตลาดได้ยาวนานที่สุดต่างหาก
5.ลงทุนในโครงการที่น่าเชื่อถือ
ศึกษาหาความรู้และลงทุนในเหรียญหรือโครงการที่มีคุณภาพ ตรวจสอบโครงการที่จะลงทุนให้ละเอียดถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Whitepaper, การโต้ตอบกับ Comunity, นักลงทุนหรือสถาบันที่อยู่เบื้องหลัง, การ Audit หรือข้อมูลต่างๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับแพลตฟอร์ม คุณต้องตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ให้ลึกและละเอียดที่สุด เพราะมันจะไม่สนุกแน่ๆ ถ้าโครงการที่คุณลงทุนไปทำการ Rug Pull เพราะมันเท่ากับว่า คุณได้สูญเสียเงินให้กับเหล่าจอมโจรตัวร้ายเรียบร้อยแล้ว!
สิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างก็คือ อย่าทำตามคำแนะนำของกูรูที่โผล่ขึ้นมาราวกับดอกเห็ดในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้มาร่วมรับผิดชอบเหมือนคุณขาดทุนหรือเสียหายยับเยินจากการเทรดที่ไม่ได้ดั่งหวัง
ดังนั้น ศึกษาข้อมูล ศึกษาข้อมูล ศึกษาข้อมูลให้ลึกซึ้งที่สุดก่อนจะลงทุนในโครงการใดๆ ก็ตาม เพื่อความปลอดภัยในเงินลงทุนของคุณ
สมัครสมาชิก ScalesBot วันนี้ ใช้งานฟรีทันที 7 วัน
ScalesBot A.I. เครื่องมือบริหารพอร์ตคริปโทฯ ช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการติดตามตลาด และสร้างกำไรได้จริงโดยอัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยี A.I.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.scalesbot.com/
หรือหากต้องการทดลอง Backtest ย้อนหลังก่อนตัดสินใจสมัคร https://app.scalesbot.com/backtest
อ้างอิง : LINK